โขน เป็นหนึ่งในศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยที่มีความงดงามวิจิตร มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ล่าสุด โขนไทยได้ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

MimDepo Performans

ประวัติโขนไทย

คำว่า “โขน” ไม่ปรากฏแน่ชัดว่ามีการบัญญัติขึ้นในสมัยใด แต่มักปรากฏในบันทึกทางประวัติศาสตร์ในส่วนของการละเล่นของไทยมาอย่างนมนาน โขนตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ระบุความหมายของโขนไว้ว่า โขนหมายถึงการเล่นอย่างหนึ่งคล้ายละครรำ แต่เล่นเฉพาะในเรื่องรามเกียรติ์ โดยผู้แสดงสวมหัวจำลองต่าง ๆ ที่เรียกว่าหัวโขน

โขนโดยทั่ว ๆ ไปมักนิยมแสดงเรื่องรามยณะหรือรามเกียรติ์ โดยแต่เดิมนั้นไม่มีฉากสำหรับประกอบการแสดง จนมาถึงรัชกาลที่ 5 ได้ทรงคิดสร้างฉากประกอบการแสดงโขนบนเวทีขึ้น

ประเภทของโขน

การแสดงโขนแบ่งออกเป็นหลายประเภทดังนี้

โขนกลางแปลง

เป็นโขนที่เล่นกันกลางแจ้ง ใช้ธรรมชาติเป็นฉากในการแสดง

โขนนั่งราว

เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าโขนโรงนอก แสดงในสถานที่ที่จัดขึ้นสำหรับทำการแสดง มีราวไม้ไผ่วางพาดตามส่วนยาวของโรง

โขนโรงใน

ผู้แสดงเป็นพระ และนาง ไม่จำเป็นต้องสวมหัวโขน มีการพากย์และเจรจาตามแบบฉบับของการแสดงโขน นำเพลงขับร้องประกอบอากัปกิริยาอาการของตัวละคร และแสดงในโรงละคร

โขนหน้าจอ

เป็นโขนที่แสดงหน้าจอหนังใหญ่ หรือที่เราเรียกว่าหนังตะลุงนั่นเอง โดยผู้แสดงโขนออกมาแสดง สลับกับการเชิดตัวหนังที่ฉลุเป็นรูปตัวละครต่าง ๆ

โขนฉาก

เป็นการแสดงโขนที่มีการจัดฉากขึ้นให้สอดคล้องกับบทละครและท้องเรื่อง ซึ่งมีต้นกำเนิดในรัชกาลที่ 5

การแสดงโขน ถือเป็นการแสดงของไทยที่สวยสง่างาม เป็นมรดกล้ำค่าที่คนไทยควรตระหนักถึงความสำคัญในสมบัติของบรรพบุรุษที่สืบทอดต่อกันมา และเก็บรักษาไว้เพื่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ชื่นชมความงดงามของการแสดงนี้